หลังจากที่เราได้เรียนกระบวนการคิดการเรียนรู้มามากมายทั้งในคาบและนอกคาบ วันนี้เราก็เลยจะมาหวนไปคิดถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมาและเขียน内省ของวิชานี้เป็นครั้งสุดท้ายค่ะ
จากคาบแรกที่ได้เข้ามาเรียน แล้วรู้ว่าต้องทำการบ้านเยอะมากนี่ ความจริงคืออยากถอนตัวออกมากๆเลยค่ะ เพราะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาจากรุ่นพี่หลายๆคนว่า เทอมนี้(ปี3เทอม2)เป็นปีที่สุดมหาโหดที่สุดแล้วในบรรดาชั้นปีทั้งหลายT。T ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ไหวแน่ๆ
![]() |
http://tarte.2ch.sc/test/read.cgi/keyakizaka46/1485254413/l50 |
เกือบจะเผลอตัวเผลอใจกดถอนไปแล้วค่ะ555555 แต่ด้วยความรู้สึกว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วลองเรียนไปเรื่อยๆก่อนก็ได้ยังมีเวลาอยู่ และอีกความรู้สึกหนึ่งที่เป็นเหตุผลหลักๆเลยก็คือ ไม่อยากจะยอมแพ้กับอะไรง่ายๆค่ะ ก็เลยลองพยายามดู แต่หลังจากเรียนจบแล้วรู้สึกว่าไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเลยค่ะ วู้ว!
![]() |
http://forums.hardwarezone.com.sg/eat-drink-man-woman-16/top-girl-group-japan-now-5586057-4.html |
ทุกสัปดาห์มักจะมีสิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอ เป็นวิชาที่เน้นการoutputจริงๆค่ะ outputเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเรียนภาษา เพราะการได้ทดลองใช้ความรู้ที่มีอยู่ก็เป็นการฝึกที่ดีที่สุดหลังจากได้รับความรู้มา ไม่ว่าจะใช้ผิดหรือว่าจะใช้ถูก outputที่ออกมาก็จะกลับมาเป็นบทเรียนหรือinputใหม่ให้เราได้เพิ่มพูนความรู้ ความชำนาญไปเรื่อยๆ
ในตอนแรกที่อาจารย์ให้ประเมินตัวเองก่อนเรียน บางอันที่คิดว่าน่าจะง่ายๆเคยทำมาแล้วอย่างเช่น การแนะนำตัว ก็ใส่ไปว่าทำได้ แต่จากการทำタスクก็เริ่มรู้สึกว่าที่คิดไว้ตอนแรกว่าทำได้เนี่ย ความจริงแล้วก็ไม่ได้ทำได้อย่างที่คิดเลย อย่างเช่น การแนะนำตัวที่มีเสน่ห์ ก็ทำไม่ได้ง่ายๆเลย ถึงแม้ว่าจะเรียนรู้วิธีจากคนอื่นๆ คนญี่ปุ่นก็รู้สึก ไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดนัก5555 เวลาพูดจริงยังพูดติดๆขัดๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก อาจจะเพราะตื่นเต้นด้วย แต่ก็รู้สึกว่าพอได้มาเขียนบล็อกถึงสิ่งที่ควรจะปรับปรุงไปแล้วก็ ทำให้รู้สึกว่า ควรจะปรับตรงนี้นะ จากที่ไม่เคยคิดมาก่อน
รวมสิ่งที่ควรปรับ
เพื่อไม่ให้ลืมสิ่งที่รู้สึกว่าต้องปรับปรุงหรือสิ่งที่คิดได้ จึงขอรวบรวมไว้ที่นี่
แนะนำตัว
1)เวลาพูดชื่อตัวเองต้องช้าๆ ค่อยๆ
2)บางทีอาจจะเพิ่มรายละเอียด หรือ จุดที่่น่าสนใจเกี่ยวกับชื่อเข้าไปด้วย เช่นความหมาย หรือเล่นมุก
3)เวลาพูดอะไรที่คนอื่นไม่น่ารู้เรื่องก็ควรเสริมความรู้ง่ายๆ เข้าไปด้วย
4)นั่งฟังที่คนอื่นพูดให้ดีๆ บางทีอาจจะเอาสิ่งที่คนอื่นกล่าวไปแล้วมาพูดซ้ำหรือพูดเชื่อมโยงสิ่งที่เกี่ยวข้องก็ได้
5)บอกความชอบของตัวเองไป เพื่อเปิดโอกาสที่สามารถหาเพื่อนใหม่ๆได้
การเขียนเกี่ยวกับ長所ของตัวเอง
1)คำศัพท์เช่น 役割= หน้าที่、果たす= ทำให้สำเร็จ
2)これがจะใช้พูดถึงภาพรวมทั้งหมด
3)คนเราควรจะมีข้อดีที่เอาไว้อวดได้สิ
4)รู้จักการใช้lang8
一生使える見やすい資料のデザイン
1)อย่างแรกควรดูว่าสิ่งที่ต้องการสื่อคืออะไรแล้วปรับรูปแบบสไลด์ให้เป็นไปตามนั้น
2)เวลาต้องการเน้นอะไรอาจจะใช้สีหรือเส้นในการเรียกความสนใจ
3)เวลาใช้กราฟ เลือกกราฟที่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการสื่อมากที่สุด
4)ถ้ามีตัวเลขมาเกี่ยวข้องควรจะเขียนให้ชัดๆไปเลยพูดเฉยๆอาจจะฟังผิดได้
5)ถ้ามีสารบัญให้ดูตอนแรกจะทำให้ผู้ฟังรู้ว่าต้องเจอกับอะไร หรือว่ารู้ว่าจะได้ฟังอะไร
6)ถ้ามีเลขหน้าสไลด์จะทำให้ผู้ฟังรู้ว่าการนำเสนอดำเนินไปถึงไหนแล้ว รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่
7)ถ้าว่างๆควรไปอ่านเพิ่ม5555
大学を魅力的に紹介しようแนะนำโรงอาหาร
1)ควรรู้ว่าจะเขียนให้ใครอ่านและเขียนไปเพื่ออะไร
2)เลือกชูจุดเด่นมาหนึ่งอย่างเลยให้เด่นๆไปเลยอาจจะดีกว่า
3)ควรแบ่งพารากราฟ ถ้าเริ่มเรื่องใหม่หรือจุดใหม่
4)เวลาบอกตำแหน่ง ควรใส่ทิศเข้าไปด้วยเช่น お店のカウンターに向かって、「右・左から順に」「右・左手から順に」เพื่อให้ผู้อ่านจินตนาการได้
5)ลองใช้คำศัพท์สูงๆ
描写・妄想ストーリー
1)เวลาฟังควรจะตั้งใจฟังและมีการตอบรับบ่อยๆ (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ภาษาอื่นไม่ต้องเยอะมาก5555)
2)บรรยายสิ่งที่คิดว่าจำเป็น บรรยายแล้วทำให้ผู้อ่านรู้สึกอินกับเรื่องมากที่สุด
3)ไม่เปลี่ยนระดับภาษา
4)คำศัพท์ ใช้ให้ถูก เช่น
見つかる(自動) = ค้นพบ หาเจอ
見つける(他動) = ค้นหาอะไรที่หายไป หาให้พบ
映る(自動) = สะท้อนให้เห็น
映す(他動) = ฉายให้ปรากฎ
5)เรื่องราวปะติดปะต่อกัน มีปม มีคลาย บางทีอาจจะมีการหักมุม สร้างสีสัน
2)บรรยายสิ่งที่คิดว่าจำเป็น บรรยายแล้วทำให้ผู้อ่านรู้สึกอินกับเรื่องมากที่สุด
3)ไม่เปลี่ยนระดับภาษา
4)คำศัพท์ ใช้ให้ถูก เช่น
見つかる(自動) = ค้นพบ หาเจอ
見つける(他動) = ค้นหาอะไรที่หายไป หาให้พบ
映る(自動) = สะท้อนให้เห็น
映す(他動) = ฉายให้ปรากฎ
5)เรื่องราวปะติดปะต่อกัน มีปม มีคลาย บางทีอาจจะมีการหักมุม สร้างสีสัน
6)เขียนประโยคไม่ยาวมาก
1)แบ่งช่องว่างให้อ่านได้ง่าย แต่บางทีอาจจะเป็นทริกในการสื่อความอึดอัดของตัวละครได้ด้วย5555
2)รู้จักทวนคำที่ผู้พูดพูดออกมาเพื่อแสดงความสนใจในเรื่องที่เขาเล่า
3)ไม่เปลี่ยนระดับภาษา
4)ใช้ให้เป็นธรรมชาติ*
5)ลองตั้งใจฟังที่ไอดอลตอบรับกับเอ็มซี
_______________________________________
ต่อไปจะพูดถึงบล็อกนะคะ
ต้องขอบอกเลยว่านี่เป็นการเขียนบล็อกครั้งแรกเลยค่ะ 初心者มากๆ เคยไปนั่งอ่านบล็อกของคนอื่นมาก็เยอะแต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เขียนเลย เพราะปกติไม่ใช่คนชอบเขียนหรือบันทึกอะไรอย่างงี้อยู่แล้ว ถึงเขียนออกมาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอีก แต่พอได้รู้ว่าจะได้เขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจ ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะลองดู และแน่นอนว่าสิ่งเราเลือกคือ ไอดอล
ความจริงแล้ว สารภาพตรงนี้เลยว่าปกติไม่ได้อ่านบล็อกไอดอลทุกวันค่ะ5555 อ่านตอนที่มีเหตุการณ์อะไรสำคัญๆอย่างเช่นเมมเบอร์ออกจากวง หรือหลังงานเลือกตั้งอะไรงี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ว่าจะอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ แต่บางทีก็ลืม ขี้เกียจอะไรงี้ พอลงวิชานี้ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า บล็อกไอดอลก็น่าสนใจดี เลยเลือกที่จะทำบล็อกแปลบล็อกไอดอลค่ะ
(วิชานี้ได้ลองทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำบ่อยเหลือเกิน5555)
เมื่อย้อนกลับไปดูครั้งแรก
目的:แปลสัปดาห์ละ2-3ครั้ง และจดคำศัพท์ที่ไม่ทราบได้ประมาณ3คำต่อครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายรวมคำศัพท์ให้ได้เกิน80คำในระยะเวลาที่ได้เรียนวิชานี้ (ที่กล่าวไว้คือจุดเป้าหมายสูงสุด ในความเป็นจริงคือจะขอทำเท่าที่พอไหว555)
ใครเป็นคนเขียนเนี่ย!!!เห้ ช่วยดูสภาพตัวเองนิด การบงการบ้านก็เยอะแยะ เรียนก็ทุกวันแล้วก็ไม่ใช่คนขยันอะไรอีก ไม่รู้อะไรเข้าสิงค่ะตอนนั้นเขียนเข้าไปได้ ไม่รู้เอาความมั่นใจอะไรมาจากไหนว่าจะแปลได้ขนาดนั้น5555 น่ากลัวจริงๆตัวฉันในอดีต
![]() |
https://onehallyu.com/topic/7632-nogizaka46-%E4%B9%83%E6%9C%A8%E5%9D%8246keyakizaka46-%E6%AC%85%E5%9D%8246-official-thread/page-74 |
และความเป็นจริงแล้วแปลได้แค่9บล็อกเองค่ะ(ไม่ทุกอาทิตย์ด้วย ฮืออออ)คำศัพท์ก็ไม่เยอะ
แต่พอมาลองแปลบล็อกของไอดอลอะไรอย่างนี้แล้วก็รู้สึกได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นค่ะ พอได้พิมพ์ออกมา ก็รู้สึกว่าอาจจะจำได้มากขึ้นกว่าแค่อ่านผ่านๆ อย่างตอนดูรายการไอดอลหรือว่าฟังเพลง และได้รู้ถึงปัญหาเวลาทำงานจริงด้วยค่ะ
ปัญหาที่สำคัญมากๆเวลาแปลก็คือ การเปลี่ยนรูปแบบภาษาญี่ปุ่นให้กลายเป็นภาษาไทย หมายถึงทั้งตัวคำความหมายและการเรียงประโยคด้วยค่ะ ต้องคอยคิดว่าแปลยังไงถึงจะสามารถแปลออกมาให้เป็นภาษาไทยที่ไม่แปลก แล้วตรงกับความหมายภาษาญี่ปุ่นมากที่สุด ทำให้เวลาแปลออกมาแล้วจะยังติดรูปแบบภาษาญี่ปุ่นอยู่ทั้งรูปแบบของประโยคและคำค่ะ และมีปัญหาตรงคำศัพท์ที่ไม่สามารถแปลออกมาเป็นภาษาไทยตรงๆได้ เช่น季節感ที่แปลว่า ความรู้สึกที่มีต่อฤดูกาล เห็นครั้งแรกนี่ โอ้ ชีวิต จะแปลยังไง ภาษาไทยมันมีที่ไหนเล่าคำอย่างงี้ เลยใช้วิธีแปลแบบแถๆไปค่ะ555 อาจจะเป็นเพราะคำศัพท์ภาษาไทยเราก็ยังไม่เยอะ ยังไม่สามารถเลือกสรรหาคำที่จะมาแทนคำญี่ปุ่นได้อย่างเหมาะสมเป๊ะๆไรอย่างงี้ด้วย คงจะต้องไปฝึกฝนทางด้านคำศัพท์เพิ่มค่ะ เคยได้ยินว่าถ้าอ่านหนังสือเยอะๆแล้วก็จะสามารถแปลได้ดีขึ้น คงจะต้องไปหาหนังสืออ่านเยอะๆแล้วค่ะ5555
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะขอขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ และอาจารย์先生ที่คอยช่วยมาอ่าน เขียนคอมเม้นต์และคำแนะนำต่างๆให้บล็อกอันสุดแสนจะเฉพาะทางและเอาแต่ใจนี้จริงๆค่ะ ทำให้ได้รู้ถึงจุดที่ตัวเองพลาดและมีกำลังใจในการเขียนมากขึ้นอีกด้วย ขอบคุณมากนะคะ
![]() |
http://applebat.com/?p=13180 |
เป็นบล็อกที่อัพสม่ำเสมอมาก เห็นได้ชัดว่าทำสิ่งที่ตัวเองชอบและทุ่มแรงกายแรงใจในการทำบล็อกมาก น่าชมเชยมากค่ะ
ตอบลบ